ราวสองเดือนที่ผ่านมามีการโฆษณาสร้าง “พระสมเด็จเหนือหัว” ทั้งทางวิทยุ โทรทํศน์ หนังสือพิมพ์ มีการพิธีใหญ่โต ทำสีต่างกันไปแต่ละภาค สามารถสั่งจองทั้งที่ไปรษณีย์ และธนาคารใหญ่ๆ หลายแห่ง ดูๆ แล้วก็ดูน่าสนใจดี แต่ยังติดใจตรงที่ว่าทำไมงบประชาสัมพันธ์ถึงได้มีเยอะขนาดนั้น ในโฆษณาก็ไม่เคยบอกว่าอุโบสถสองกษัตริย์ที่จะสร้างนั้นอยู่ที่ไหนกัน ในที่สุดวันนี้ความจริงก็เริ่มปรากฏ เมื่อสำนักพระราชวังชี้แจงในกรณี “พระสมเด็จเหนือหัว” ว่า
ขณะนี้ได้มีกลุ่มแอบอ้าง จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว และมีการระบุว่า รายได้จากการจัดสร้างสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ จัดโครงการสร้างอุโบสถ สองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ ซึ่งการจัดสร้างดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวังแต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ เมื่อมีการตรวจสอบไปยังมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปรากฏว่า ทางมูลนิธิฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และการที่ผู้จัดสร้างนำตราพระมงกุฎไปประทับหลังองค์พระนั้นถือว่าผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการขอพระราชทานอนุญาต จากทางสำนักพระราชวัง
ขณะที่มวลสารในการจัดสร้างที่มีการอ้างว่าเป็นดอกไม้พระราชทานนั้น ทางสำนักพระราชวังได้ชี้แจงว่า ตั้งแต่มีการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ทางผู้จัดสร้างไม่เคยขอพระราชทานดอกไม้เพื่อนำไปใช้เป็นมวลสาร เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นการแอบอ้างและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบถึงขั้นตอนการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ไม่มีการระบุผู้จัดสร้างที่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่า พระสมเด็จเหนือหัว เกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวัง และทำให้เกิดความเสียหายกับทางสำนักพระราชวังเป็นอย่างมาก
จริงๆ น่าจะออกมาชี้แจงตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดจอง เพราะตอนนี้เสี่ย… โต้โผใหญ่ คงนับเงินค่าจองไปโขแล้ว
This announcement is very quiet. No publish in any newspaper. They perhaps afraid that the maker will withdraw their full page ads.
โพสต์ทูเดย์ — กรมสอบสวนคดีพิเศษจับมือ ปปง. สอบขบวนการแอบอ้างเบื้องสูงสร้างพระสมเด็จเหนือหัว 5 สี
นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้สั่งการเมื่อวานนี้ให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปดูแลและตรวจสอบการสร้าง และจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัว 5 สี ว่ามีการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่
“ผมมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเร่งเก็บข้อมูลให้เร็วที่สุด ไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เพราะหากมีการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นศาสนา สถาบัน และประชาชนที่ถูกฉ้อโกง” นายจรัญ กล่าว
บ่ายวันเดียวกัน พ.อ.ปิยะวัฒก์ พร้อมชุดสืบสวนดีเอสไอ ได้เข้าหารือกับสำนักพระราชวัง เพื่อรวบรวมข้อมูล และจัดทีมหารือกับกรมการศาสนา เพื่อขอหลักฐานเกี่ยวกับระเบียบในการจัดสร้างวัตถุมงคล รวมถึงส่งชุดไปรวบรวมข้อมูลจากวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัด
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่ากรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ของ ปปง. จึงถือเป็นคดีพิเศษที่ ดีเอสไอสามารถเข้าสืบสวนรวบรวมหลักฐานได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าภายหลังการชี้แจงของสำนักพระราชวังว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว เว็บไซต์หลายแห่ง ที่เปิดรับจองพระสมเด็จเหนือหัว ได้ประกาศปิดการเช่าซื้อ และ การโฆษณาผ่านเว็บไซต์ ส่วนบรรยากาศในวัดสุทัศน์ และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ได้มีการปลด ป้ายโฆษณาให้เช่าพระสมเด็จเหนือหัวแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีป้ายโฆษณาปรากฏให้เห็นตามร้านค้าโดยรอบวัดสุทัศน์ และถนนหลายสายในเขตกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น วัดสุทัศน์และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ อ้างว่า ถูกแอบอ้างชื่อไปใช้ในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว โดยผู้จัดสร้างพระเคยบวชเป็นเณรที่วัดสุทัศน์ แล้วสึกออกไป
สำหรับแผ่นพับโฆษณาพระสมเด็จเหนือหัว มีรายละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญของมวลสารที่ใช้ผสมลงในองค์พระ โดยระบุว่าเป็นดอกไม้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายบูร
พ มหากษัตริยาธิราช รวมทั้งพิธีการปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่
วันเดียวกันที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีประชาชนเข้าร้องเรียนสำนัก งานไปรษณีย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และศูนย์ดำรงธรรม ว่าถูกหลอกลวงจนหลงเชื่อไปเช่าพระสมเด็จเหนือหัว 5 สี ที่สำนักงานไปรษณีย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในราคาองค์ละ 999 บาท ต่อมาทราบข้อมูลภายหลังสำนักพระราชวังออกข่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดสร้างพระ และไม่มี การอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์พระมหา ภิชัยมงกุฎ จึงได้พากันนำพระไปขอเงินคืน แต่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไม่สามารถคืนเงินให้ จึงชักชวนกันมาร้องทุกข์
3 months pass and noone get caught. Good job Thailand
ผ่านไปสองปี ไอ้คนทำโดนปรับไม่กี่หมื่น จำคุก 5 ปี คนโดนต้มตุ๋นไปเท่าไหร่?
http://www.thaipost.net/x-cite/010410/20164
It’s wonderful to find out sites with info and many thanks for the share that you’ve got given. Generally, I’m very stunned, but etc…