โลกไซเบอร์ หรือโลกของ Internet เป็นโลกที่ต้องพยายามปรับตัวและเข้าใจมันให้ดี เพราะเราจะเอาสภาพหรือความรู้สึกในโลกแห่งความเป็นจริงมาใช้ไม่ได้ทั้งหมด
ที่พูดมาก็ไม่ใช้เรื่องอะไร แต่เป็นเรื่อง forward mail ต่างๆ ที่ทั้งคนที่เรารู้จักและไม่รู้จักส่งมาให้เรา เมื่อก่อนทุกคนคงเคยได้รับจดหมาย (จริง) ลูกโซ่ส่งตำรายารักษาโรคมะเร็งของพระครูวิจิตรธรรมโชติมาแล้ว
เดี๋ยวนี้เข้าสู่ยุคไซเบอร์ก็เลยมีจดหมายลูกโซ่หลายรูปแบบมาให้เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นการขอบริจาคโลหิตให้คนป่วยหนัก หาบ้านให้สุนัขหลงทางอยู่ รวมถึงความหวังดีต่างๆ เช่นอันตรายจากน้ำอัดลมกัดกระเพาะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะส่งต่อๆ กันมาโดยไม่เคยได้ตรวจสอบว่า คนที่ขอบริจาคโลหิตนั้นหายดีแล้วหรือไม่ หรือเรื่องที่ส่งมานั้นจริงเท็จแค่ไหน คนไทยเป็นคนใจดีอยากจะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ก็ทำหน้าที่ขอตนคือ “ส่งต่อให้คนอื่น”
ทุกครั้งที่ผมได้จดหมายลูกโซ่มา จะใช้เวลาแค่ 5 นาทีในการใช้ Google ให้เป็นประโยชน์ และพบว่า 99.9999% มักจะเป็นเรื่องไม่จริง หรือบางเรื่องก็ผ่านไป 3-4 ปีแล้ว คนป่วยไม่เสียชีวิตก็หายแล้ว แต่จดหมายพวกนี้ก็ยังคงวนเวียนต่อไปเพราะคนส่งไม่เคยใส่วันที่ ญาติที่ลงเบอร์โทรศัพท์ก็ยังได้รับโทรอยู่ทุกวัน
อยากจะขอให้ทุกครั้งที่ได้รับ forward mail ให้ใช้เวลาซักนาทีตรวจสอบให้แน่ใจ ก่อนที่จะตัดสินใจส่งต่อให้คนอื่น จะได้ช่วยลดขยะไซเบอร์ได้อีกทาง
นะ นะ ผม ขอละ
ในกรณีนี้ กาลามสูตร น่าจะเป็นข้อคิดที่ดีที่สุด
๑. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา
๒. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา(ประเพณี)
๓. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง
๔. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก(คัมภีร์,ตำรา)
๕. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ
๖. อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง
๗. อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ
๘. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน
๙. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ
๑๐. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา